ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 27 ก.พ.61 -เจ้าตัวรับสารภาพ เจ้าของที่ดิน 53 แปลง-ห้องชุด 6 ห้อง จำไม่ได้ทำไมไม่ยื่น ศาลฎีกานักการรเมือง พิพากษาคุก 2 เดือน รับสารภาพ ลดเหลือ 1 เดือน-ห้ามดำรงตำแหน่ง จนท.รัฐ อีก 5 ปี เจอนับโทษต่อคดีอีก 4 สำนวน
เวลา 10.30 น. นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีพร้อมองค์คณะผู้พิพากษา รวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ อม.250/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.หรือนายพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( ผบช.ก.) และนักโทษคดีหมิ่นเบื้องสูง-ฟอกเงิน อายุ 64 ปี จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดทรัพย์สินฯ ที่ต้องยื่นต่อป.ป.ช. ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันแลปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 39, 40 ขณะเข้าดำรงตำแหน่งผบช.ก.เมื่อปี 2555
โดยศาล ได้เบิกตัว "นายพงศ์พัฒน์" มาจากเรือนจำคลองเปรม ซึ่งศาลได้สอบถามเกี่ยวกับทนายความแล้ว ผู้ถูกล่าวหาแถลงไม่ต้องการทนายความ และเมื่อศาลอธิบายคำฟ้องให้ผู้ถูกกล่าวหาฟังเพื่อสอบคำให้การ ผู้ถูกกล่าวหาก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานอีก จึงงดการไต่สวน และอ่านคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์คำร้องของ ป.ป.ช.และเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ฯ มาตรา 4, 39 และ 40 และประกาศของป.ป.ช.ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ได้บัญญัตินิยามเจ้าหน้าที่รัฐและหน้าที่การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเพื่อการตรวจสอบขณะดำรงตำแหน่ง โดยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ คู่สมรสและบุตร ยื่นแสดงบัญชี รวม 3 ช่วง คือ เมื่อเข้ารับตำแหน่ง , เมื่อดำรงตำแหน่งครบทุก 3 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่ง โดยตำแหน่งผบช.ก.ได้ระบุไว้ในลำดับที่ 7 ของประกาศป.ป.ช. ดังนั้น นายพงศ์พัฒน์ ผู้ถูกกล่าวว่าจึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย ซึ่งมีหน้าที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. เมื่อวันที่ 1 ต.ค.53 ต่อมาวันที่ 24 ต.ค.55 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงทรัพย์สิน คือ ที่ดิน 53 แปลง ห้องชุด 6 ห้อง รวมทรัพย์สิน 59 รายการ โดยป.ป.ช.ผู้ร้องได้ให้ "นายพงศ์พัฒน์" ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงเหตุที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารับว่าทรัพย์สินเป็นของตนเองจริง แต่จำไม่ได้ว่าเหตุใดจึงไม่ได้แสดงทรัพย์สินดังกล่าว
ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเหตุผลให้รับฟัง พฤติการณ์บ่งชี้ว่าไม่ใส่ใจยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ซึ่งการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้มีข้อมูลไว้ตรวจสอบตลอดการดำรงตำแหน่งว่ามีทรัพย์สินที่เพิ่มผิดปกติหรือไม่ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อป.ป.ช.
องค์คณะฯ จึงพิพากษาว่า "นายพงศ์พัฒน์" ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้าดำรงตำแหน่งผบช.ก. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ม.39 , 40 ประกอบ ม.32 , 33 จึงห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตำแหน่งตาม ม.39 , 40 เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 23 พ.ย.57 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ม.41 วรรคหนึ่ง
และการกระทำของ "นายพงศ์พัฒน์" ผู้ถูกกล่าวหา ยังมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย จึงให้จำคุก 2 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม คงจำคุก 1 เดือน และให้นับโทษจำคุกต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.293/2558 , คดีหมายเลขแดงที่ อ.565/2558 , คดีหมายเลขแดงที่ อ.566/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟย.2/2558 ของศาลอาญาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา "นายพงศ์พัฒน์" อดีต ผบช.ก. ซึ่งสวมชุดนักโทษผมขาวสั้นเกรียน กล่าวสั้นๆ พร้อมยิ้มแย้มทักทายกับผู้สื่อข่าวว่า ขอบคุณที่มาร่วมฟังการติดตามคดี โดยอดีต ผบช.ก. ก็กล่าวตอบคำถามเรื่องสุขภาพด้วยว่า ตอนนี้สุขภาพ ก็แข็งแรงดี ขณะที่วันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติของอดีต ผบช.ก.มาร่วมฟังกระบวนพิจารณาคดีด้วยแต่อย่างใด ฝ่ายผู้ร้อง ป.ป.ช. ก็มีเพียงคณะผู้แทนมาฟังคำพิพากษา
สำหรับ "อดีต ผบช.ก." วัย 64 ปีนั้น ก่อนหน้านี้ถูกฟ้องและพิพากษาคดีอาญา รวม 7 สำนวนเมื่อปี 2558 ในความผิดฐาน หมิ่นเบื้องสูง , คดีเรียกรับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในบช.ก , คดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน , คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนันย่านพระราม 9 , คดีร่วมกันฟอกเงิน , คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ , คดีลักลอบครอบครองโบราณวัตถุ และคดีรับของโจร รวมจำคุกทั้งสิ้น 36 ปี 3 เดือน.