ข้อควรระวังทางบัญชี ในสถานการณ์เงินเฟ้อ
ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า “สถานการณ์เงินเฟ้อ” เป็นสิ่งที่เริ่มเกิดขึ้นใกล้ตัวเราและอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวได้ โดยปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน และราคาอาหารที่ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มยุโรป รวมถึงประเทศไทยที่เริ่มมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา
เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะเศรษฐกิจที่ระดับราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือถ้าพิจารณาจากค่าของเงิน เงินเฟ้อ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ค่าเงินมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจะซื้อของชิ้นเดิมนั้นต้องใช้เงินมากกว่าเดิม หรือถ้าแปลให้เห็นภาพง่ายขึ้นก็คือของแพงขึ้นนั่นเอง
และสำหรับในแง่มุมของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเลขในงบการเงิน จึงมีข้อควรระวังทางบัญชีที่ผู้สอบบัญชี/นักบัญชีหรือผู้ที่สนใจต้องระมัดระวัง ดังนี้
1) สินค้าคงเหลืออาจมีราคาทุนสูงขึ้นจากการปรับราคาของต้นทุนวัตถุดิบ ขณะที่ราคาขายปรับขึ้นไม่ได้ ทำให้ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการแสดงมูลค่าคงเหลือที่จะได้รับต่ำกว่าราคาทุน (NRV : Net Realizable Value)
2) เครื่องจักรหรือทรัพย์สินอาจเกิดการด้อยค่า เนื่องจากบริษัทอาจมีการยกเลิกแผนการผลิตหรือยกเลิกสายการผลิตที่ไม่คุ้มต้นทุนจากราคาวัตถุดิบรวมถึงค่าขนส่งที่ปรับเพิ่มขึ้น
3) เงินเฟ้อทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทควรทบทวนความเหมาะสมของข้อมูลที่มีการใช้อัตราดอกเบี้ยมาเป็นตัวแปรในการคำนวนตัวเลขสำหรับบันทึกบัญชี เช่น หนี้สินจากสัญญาเช่า และประมาณการหนี้สินผลประโยชน์พนักงาน เป็นต้น
4) ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ทำให้มีผลกระทบด้านลบต่อ
• กลุ่มผู้นำเข้า ทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น
• กลุ่มผู้มีหนี้กับต่างประเทศ ทำให้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเพราะต้องจ่ายชำระเงินให้เจ้าหนี้เพิ่มขึ้น
โดยรายการข้างต้นเป็นข้อสังเกตเบื้องต้นเพื่อนำมาพิจารณาว่าบริษัทของเราได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เพื่อให้การจัดทำงบการเงินได้สะท้อนผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทอย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้ใช้งบการเงิน
ผู้เขียน คุณนาราลี การสนธิ์ บริษัท สอบบัญชีธรรมนิติ จำกัด