สอบบัญชี

เปลี่ยน LTF เก่าให้คุ้มกว่าเดิม! รู้จัก Thai ESGX กองทุนสายเขียวที่ได้ลดหย่อนภาษีต่อ

ใครมี LTF ใกล้ครบกำหนด หยุดก่อนจะขาย! เพราะปีนี้คุณมีทางเลือกใหม่ในการเปลี่ยนกองเก่าให้กลายเป็นสิทธิภาษี ด้วยกองทุน Thai ESGX กองทุนที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมสนับสนุนบริษัทที่ทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การดูแลสังคม หรือธรรมาภิบาล (ESG) โดยเป็นการลงทุนที่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ ถือเป็นการลงทุนแบบที่ได้ลดหย่อนภาษี เพิ่มเงินในกระเป๋า และช่วยโลกไปพร้อมกัน! 

LTF หมดสิทธิ…แต่ยังไม่หมดหวัง 

ใครที่เคยลงทุนในกองทุน LTF และกำลังจะครบกำหนดในช่วงนี้ อย่าเพิ่งรีบขายหรือถอนเงินออก เพราะปี 2568 นี้ รัฐบาลเปิดโอกาสพิเศษให้ผู้ที่ลงทุนใน LTF ที่ซื้อก่อนปี 2563 (สิ้นสุดสิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว) สามารถนำเงินที่ครบกำหนดจาก LTF เดิม มาลงทุนในกองทุน Thai ESGX และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีก! ทั้งนี้อุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้เตรียมความพร้อมในการเสนอขายกองทุน Thai ESGX เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 

สับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX คืออะไร?

เป็นสิทธิพิเศษที่ภาครัฐกำหนดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เงินลงทุนจาก LTF เดิมที่ครบกำหนด ยังคงหมุนเวียนอยู่ในระบบตลาดทุนไทย และในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีอีกครั้ง หากนำเงินจาก LTF ที่ครบกำหนดแล้ว มาลงทุนในกองทุนใหม่ที่ชื่อว่า Thai ESGX

กองทุน Thai ESGX คืออะไร?

Thai ESGX เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยที่ Thai ESGX จะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิด้วย ซึ่งรัฐบาลเปิดตัวเพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน และเป็น “ทางเลือกใหม่” สำหรับผู้ที่เคยลงทุนใน LTF ที่หมดสิทธิ์ลดหย่อนแล้ว

เงื่อนไขสำคัญของการใช้สิทธิ

• ต้องเป็นเงินจาก LTF เดิมที่ครบกำหนดแล้ว โดยเฉพาะ LTF ที่ซื้อก่อนปี 2563 และครบเงื่อนไขการถือครอง (5 ปีปฏิทิน) ซึ่งจะต้องโยกเงินจากการขาย LTF เดิมมาลงทุนใน Thai ESGX ภายในปีภาษี 2567 หรือ 2568 เท่านั้น

• ต้องถือครอง Thai ESGX อย่างน้อย 7 ปีปฏิทินหากขายคืนก่อนครบกำหนด อาจทำให้ต้องคืนสิทธิลดหย่อนภาษี

• ต้องเป็นเงินจากการขาย LTF เท่านั้น ไม่สามารถใช้เงินสดใหม่ หรือเงินจากกองทุนอื่นๆ มาลงทุนเพื่อขอสิทธิพิเศษนี้ได้

ทำไมถึงควรใช้สิทธิพิเศษนี้?

• เป็น “ทางเลือกเดียว” ที่ทำให้เงินจาก LTF เดิม ยังคงได้สิทธิภาษี

• Thai ESGX เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืนเหมาะสำหรับผู้มองหาโอกาสระยะยาว

• ได้ลดหย่อนภาษีโดยไม่ต้องถือถึง 10 ปีแบบ SSF (แค่ 7 ปีปฏิทิน)

วงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้มาตรการ Thai ESGX แบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย

วงเงินลดหย่อนที่ 1

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX สามารถเริ่มซื้อได้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน) 

วงเงินลดหย่อนที่ 2

สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ตั้งแต่ปีภาษี 2568 - 2572 โดยในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาทและปี 2569 - 2572 ให้ได้รับลดหย่อนเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี (อีกปีละไม่เกิน 50,000 บาท)

สรุปวงเงินการลงทุนที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2568

1. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) - ต้องนำไปรวมกับกลุ่มลดหย่อนเกษียณอื่นๆ และลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

2. กองทุน Thai ESG (เดิม) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท

3. กองทุน Thai ESGX วงเงินลดหย่อนที่ 1 ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท

4. กองทุน Thai ESGX วงเงินลดหย่อนที่ 2 ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (สำหรับปี 2568)

สุดท้ายนี้เพื่อน ๆ ที่คิดจะลงทุนและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนและการใช้สิทธิทางภาษีอย่างคุ้มค่าและถูกต้อง 

สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th 

ผู้เขียน : นางสาวสุนิษา หนูปาน 

บริษัท สอบบัญชีธรรมนิติ จำกัด